กรุงเทพประกันภัยชูแคมเปญ""สุดคุ้ม"" รวมความคุ้มครองแต่เบี้ยถูกลง 50% รุกทำตลาดครึ่งปีหลัง

. วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
0 ความคิดเห็น

กรุงเทพประกันภัยชูแคมเปญ 'สุดคุ้ม'บ.กรุงเทพประกันภัยรุกขยายตลาดลูกค้ารายย่อย 6 เดือนหลังปีนี้เปิดตัวกรมธรรม์ใหม่

ภายใต้แคมเปญ สุดคุ้ม เน้นรวมความคุ้มครอง แต่เบี้ยประกันภัยถูกลง 40-50% คาดปลาย ส.ค.นี้ ส่งประกันภัยอุบัติเหตุเจาะตลาดผู้สูงอายุ เพิ่มความคุ้มครองกรณีกระดูกแตกและค่ารักษาพยาบาล หลังจากที่เปิดตัวกรมธรรม์ ชุดโรคคลาสสิก กับ ชุดมนุษย์เงินเดือน จับตลาดพนักงานบริษัท ขายผ่านทุกช่องคาดทำเบี้ย 50 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ผู้อำนวยการธุรกิจลูกค้ารายย่อย บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการตลาดในกลุ่มของลูกค้ารายย่อยว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ บริษัทจะกำหนดทิศทางให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ผู้บริโภค

รู้สึกว่า ตัดสินใจใช้จ่ายเงินแล้วคุ้มค่าและประหยัดมากขึ้น ภายใต้แคมเปญ กรุงเทพประกันภัยสุดคุ้ม ในลักษณะรวมความคุ้มครองหลายอย่าง แต่จ่ายเบี้ยประกันภัยถูกลง 40-50% เมื่อเทียบกับการซื้อความคุ้มครองประกันสุขภาพหรืออุบัติเหตุส่วนบุคคลที่มีอยู่ในตลาด

เชื่อว่าใน 1 ปีแรกอัตราความเสียหายจากกรมธรรม์นี้จะไม่สูงมากหรืออยู่ 10-20% เนื่องจากกำหนดไม่คุ้มครองหลังทำประกัน 3 เดือน ทำให้โอกาสเกิดความเสียหายน้อย แต่อัตราความเสียหายจะเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป หรืออาจจะสูงถึง 50% แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้

ขณะนี้บริษัทเตรียมขยายตลาดประกันภัยสุดคุ้มไปยังกลุ่มผู้สูงอายุในลักษณะประกันภัยอุบัติเหตุที่เพิ่มความคุ้มครองกรณีกระดูกแตกหักและค่ารักษาพยาบาล เช่น กายภาพบำบัด เนื่องจากปัจจุบันตลาดผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่กลับไม่ได้รับความคุ้มครองหรือความคุ้มครองหายากขึ้น คาดว่าจะเริ่มทำตลาดปลายสิงหาคมเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 มีแผนขยายตลาดลูกค้ารายย่อยผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ โดยออกกรมธรรม์ใหม่ที่เป็นการประกันภัยภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันสุขภาพ เจาะฐานลูกค้าบัตรบีเฟิร์ส (ฐานลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยปัจจุบันภาพรวมการขายกรมธรรม์สำหรับลูกค้ารายย่อยในทุกช่องทางยังเติบโตได้ประมาณ 12% จากปีก่อน ขณะที่เบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพของบริษัท ปรับขึ้นจากอันดับที่ 10 ของตลาดมาอยู่อันดับที่ 5

ภายใต้แคมเปญสุดคุ้มส่งผลให้บริษัทปรับเป้าเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพภาพรวมเพิ่มขึ้น แต่ไม่เกิน 10% ซึ่งอาจทะลุ 1,000 ล้านบาท จากในช่วง 6 เดือนแรกนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2552) สามารถผลิตเบี้ย 580 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 54% ส่วนใหญ่มาจากช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งถึง 65% ที่เหลือเป็นช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์และตัวแทน นายอภิสิทธิ์กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายจักรกริช ชีวนันทพรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจลูกค้าองค์การ บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า บริษัทออก 2 สินค้าใหม่ทำตลาดช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ คือ ชุดโรคคลาสสิกกับชุดมนุษย์เงินเดือน คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกรมธรรม์ที่มีราคาถูก และมีการจ่ายผลประโยชน์ที่พิเศษแตกต่างจากตลาด

ทั้งนี้ กรมธรรม์ชุดแรก คือ ชุด 4 โรคคลาสสิก (เปิดขายวันแรก 15 ก.ค.) ให้ความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง (เรื้อรังและถาวร) ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวายเรื้อรัง หากได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เป็นครั้งแรกว่าเป็นโรคใดโรคหนึ่ง จะได้รับวงเงินความคุ้มครองชดเชยสูงสุด 200,000 บาท รวมกับผลประโยชน์พิเศษต่อเนื่องทุกๆ เดือนเป็นเวลานานถึง 10 เดือน สูงสุดเดือนละ 50,000 บาท หากรวมผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้งหมดสูงถึง 700,000 บาท โดยมีให้เลือกถึง 4 แบบด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 580 บาทต่อปี เบี้ยปรับเพิ่มตามช่วงอายุ (สำหรับคนอายุ 15-30 ปี แบบที่ 1 เบี้ยประกัน 580 บาทต่อปี วงเงินความคุ้มครอง 100,000 บาท ผลประโยชน์พิเศษต่อเนื่องรายเดือน 20,000 บาท เป็นระยะเวลา 10 เดือน ผลประโยชน์รวม 300,000 บาท)

กลางเดือนสิงหาคมนี้ เตรียมออกกรมธรรม์ชุด 2 ชุด มนุษย์เงินเดือน จับตลาดพนักงานบริษัท ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงถึง 400,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ 25,000 บาทต่อครั้ง หรือตรวจพบครั้งแรกว่าเป็นโรคมะเร็ง จะได้รับการชดเชยสูงสุด 400,000 บาท รวมถึงยังได้รับเงินชดเชยรายวันในระหว่างที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าด้วยสาเหตุอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย คุ้มครองสูงสุดวันละ 2,500 บาท นานถึง 200 วันรวมทั้งสิ้น 500,000 บาท

กรมธรรม์ดังกล่าวมีให้เลือกถึง 4 แบบ ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้น 2,370 บาทต่อปี เบี้ยประกันคงที่ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ (สำหรับคนอายุ 20-34 ปี แบบที่ 1 เบี้ยประกัน 2,370 บาทต่อปี ความคุ้มครองจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 10,000 บาท ตรวจพบโรคมะเร็งระยะแรก 100,000 บาท ผลประโยชน์ชดเชยรายวันขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,000 บาทต่อวัน สูงสุด 200 วัน)

กรมธรรม์โรคร้ายแรงในตลาดทั่วไป มีการรวมโรคร้ายแรงไว้จำนวนมาก เช่น 7 โรค 15

โรค 17 โรค ซึ่งทำให้เบี้ยประกันภัยมีราคาแพง ไม่เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน บริษัทจึงได้ออกกรมธรรม์ดังกล่าวออกมาซึ่งจะมีราคาต่ำกว่าท้องตลาดโดยทั่วไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่าย นายจักรกริชกล่าว

คปภ.แนะเจ้าของรถต่อประกันภัยภาคบังคับและสมัครใจในกรมธรรม์เดียวกัน

. วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552
0 ความคิดเห็น

ประกันภัยภาคบังคับและสมัครใจ      กรุงเทพฯ 5 ส.ค.-นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)  กล่าวว่า  ทาง คปภ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนทั่วไปผ่านสายด่วน 1186  กรณีกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในการต่อประกันในแต่ละครั้งของทุกปีในส่วนของข้อมูลและเอกสารมีรายละเอียดค่อนข้างมาก  จึงอยากให้ คปภ.ปรับปรุงข้อมูลและเอกสารในกรมธรรม์ทั้ง 2 ชนิด ให้มีความสะดวกและง่ายต่อการจดจำ แม้ว่าขณะนี้การต่อกรมธรรม์ทั้ง 2 ชนิด ไม่ยุ่งยากและรวดเร็วกว่าในอดีตที่ผ่านมา  แต่หากดูในรายละเอียดหรือข้อกำหนดต่าง ๆ ในกรมธรรม์แล้วยังถือว่ามีรายละเอียดมากพอสมควร

     อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถทุกคันต้องทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ  ดังนั้นประชาชนจึงต้องตรวจสอบว่ากรมธรรม์ที่บริษัทประกันภัยออกให้นั้นมีความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไว้แล้วหรือไม่  โดยกรมธรรม์ประกันภัยจากเดิมมี 2 รูปแบบ คือ กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถภาคบังคับหรือพ.ร.บ.คุ้มครองชีวิตแต่ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน แบบ  2  กรมธรรมประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจคุ้มครองชีวิตในส่วนที่เกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ.และคุ้มครองทรัพย์สิน

     ทั้งนี้ คปภ.ได้มีการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถรูปแบบใหม่ชื่อว่า "ทูอินวัน" ขึ้นมา  คือ การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่รวมความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไว้ในกรมธรรม์เดียวกันให้ความคุ้มครองชีวิตของผู้ประสบภัย  รวมทั้งในส่วนที่เกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. และคุ้มครองไปถึงทรัพย์สิน  ถือเป็นทางการเลือกใหม่ของการประกันภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน  โดยกรมธรรม์ทูอินวัน คปภ.อยากแนะนำเจ้าของรถที่ต้องการเลือกซื้อกรมธรรม์รูปแบบใหม่นี้ให้เข้ามาชมงานสัปดาห์ประกันภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย.นี้ อาคาร 5-6 อิมแพ็ค เมืองทองธานีได้ 

     นอกจากนี้ ผู้ที่มองหาอาชีพเสริมหรือผู้ที่ตกงานยังไม่มีงานทำ  ทางสำนักงาน คปภ.ได้ร่วมกับบริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิตกว่า 90  บริษัทยังได้จัดโครงการ "ต้นกล้าประกันภัย"  เพื่อช่วยเหลือคนตกงานหรือต้องการมีอาชีพเป็นของตนเอง  โดย  คปภ.จะเปิดสอบใบอนุญาตการเป็นตัวแทนขายประกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายและในระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคมนี้ สำนักงาน คปภ.จะเปิดอบรมหลักสูตรการขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทน/นายหน้าประกันภัยครั้งที่ 4 ในรุ่นที่ 6  จำนวนจำกัด  100 คน  สนใจสามารถสอบถามสายด่วนประกันภัย 1186 หรือที่ สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษกได้ในวันเวลาราชการ.-สำนักข่าวไทย

แนะติดNGVได้ส่วนลดเบี้ยประกัน10%

.
0 ความคิดเห็น

คปภ.แนะช่วงน้ำมันแพงติดเอ็นจีวีได้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยร้อยละ10 ถึงปีหน้า

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ภาวะราคาน้ำมันมีแนวโน้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้  ทาง สำนักงาน คปภ.อยากแนะนำเจ้าของรถยนต์ทั้งเก่าและใหม่พิจารณาทางเลือกที่ภาครัฐพยายามส่งเสริมให้มีประชาชนหันมาเติมก๊าซเอ็นจีวีทดแทนการใช้น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล  ซึ่ง  คปภ. เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ และได้ดำเนินการสานต่อโครงการพิเศษสนับสนุนรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวี โดยผู้ที่ติดตั้งจะได้รับส่วนลดร้อยละ 10 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการดังกล่าวไปจนถึง 30 มิ.ย.ปีหน้า

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนให้ใช้อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ  สำหรับรถยนต์ที่ให้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยให้ส่วนลดร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิสำหรับการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจในทุกประเภท เช่น เบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่ที่ 15,000 บาท หักส่วนลดร้อยละ 10 โดยเบี้ยประกันลดลงถึง 1,500 บาท ซึ่งถือว่าประชาชนได้รับส่วนลดค่อนข้างมากและนำเงินส่วนลดนี้ไปใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี  ดังนั้นเจ้าของรถทั้งเก่าและใหม่น่าจะพิจารณาหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีทดแทนการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้  เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย. ที่จะถึงนี้  สำนักงาน คปภ.ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย  สมาคมประกันชีวิตไทย  และอีกหลายหน่วยงานเตรียมจัดงานสัปดาห์ประกันภัยแห่งชาติ  ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี  โดยในวันที่ 2 ก.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  จะมาเป็นประธานเปิดงาน  ซึ่งในงานจะมีบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันภัยกว่า 90 แห่ง มาให้บริการด้านประกันภัยและประกันชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ  และยังได้ร่วมกับกรมการค้าภายในและผู้ผลิตสินค้า ผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่นำสินค้าคุณภาพดีเพื่อการส่งออก มาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงานราคาถูกกว่าท้องตลาดอย่างมาก

นอกจากนี้  ยังมีกิจกรรมการจัดนิทรรศการให้ความรู้และนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการประกันภัย  ส่วนประชาชนที่อยู่ในจังหวัดต่าง ๆ สามารถเข้าร่วมงานสัปดาห์ประกันภัยแห่งชาติได้พร้อมกัน 14 จังหวัดทั่วประเทศ  ได้แก่  จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง นครสวรรค์ พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุลราชธานี ชลบุรี ระยอง นครปฐม กาญจนบุรี สงขลา และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ย.52 หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186  ได้

ที่มา โพสต์ทูเดย์

สัปดาห์ประกันภัยเตรียมเงินซื้อประกันภัยในราคาถูก

.
0 ความคิดเห็น

     หลังจากสุดอั้นกับวิกฤตการณ์ที่โหมกระหน่ำไปทั่วโลกในช่วงปลายปีที่ผ่านมาประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาผู้คนระวังการใช้จ่ายทำให้ปีที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัย ทั้งฝั่งประกันชีวิตและฝั่งประกันวินาศภัยแทบจะไม่มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาขายกันเลยยกเว้นประกันรถยนต์ประเภท 3 พลัส - 2 พลัสที่เข้ากับภาวะเศรษฐกิจยุคคนนิยมบริโภคของถูกที่ออกมาขายกันเกลื่อนนอกนั้นแทบจะเรียกได้ว่า เงียบฉี่โดยเฉพาะฝั่งประกันชีวิตที่ไม่มีการ เกทับบลัฟแหลกออกสินค้ามาข่มกันให้เห็นเหมือนปีก่อนๆ
แต่มาถึงปีนี้หมอกควันเริ่มจางประกันชีวิตเล่นโตบวกลิ่วสวนกระแสเศรษฐกิจที่ติดลบขณะที่วินาศภัยก็เริ่มเชิดหัวโตบวกได้แล้ว ก็ทำให้ตลาดประกันภัยในช่วงนี้ คึกคักขึ้นมาทันตา โดยเฉพาะ สินค้าใหม่ที่เริ่มจะมีให้เห็นกันมากขึ้นนัยว่าเริ่มมีกะจิตกะใจแข่งขันกันออกกรมธรรม์ใหม่ๆ สร้างสีสันและเจาะตลาดกันมากขึ้น

     โดยเฉพาะฝั่งประกันชีวิตด้วยแล้ว เห็นชัดสุดว่าเริ่มมีสินค้าประเภท ออมสั้นออกมาอาละวาดกันอย่างหนักเพราะช่วงดอกเบี้ยขาลงเช่นนี้ผลตอบแทนจากแบบประกันประเภทสะสมทรัพย์ระยะสั้นทั้งหลายย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าถือเป็น นาทีทองเลยทีเดียวในการกอบโกยเบี้ย ยิ่งค่ายไหนมีช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ด้วยแล้วยอดขายยิ่งพุ่งกระฉูด เพราะการออก ซิงเกิลพรีเมี่ยมมาขายผ่านแบงก์นับว่ามาแรงมากในช่วงนี้

     เชื่อว่า สถานการณ์ด้านสินค้าใหม่จะยังมีให้เห็นมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะแบบประกัน เบี้ยถูกที่เป็น คอนเซปต์ของแบบประกันใหม่ๆที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือสำนักงานคปภ. ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทประกันภัยทุกแห่งที่จะเข้าร่วมออกบูธในงานสัปดาห์ประกันภัยซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2552 นี้ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

     ดังนั้น ในช่วงนี้กระแสการโชว์สินค้าใหม่ของค่ายประกันจึงออกจะซาไปบ้างเพราะต่างก็เตรียมไปเปิดตัวในงานนั้น เพื่อการมี ส่วนร่วมและให้สัปดาห์ประกันภัยซึ่งจัดขึ้นเป็น ครั้งแรกของธุรกิจและประวัติศาสตร์ประกันภัยไทยทีเดียวก็ว่าได้ยิ่งใหญ่อลังการสมชื่อ แม้ว่าบูธที่ไปออกกันนั้นกว่าครึ่งหรือเกือบจะทั้งหมดเป็นบูธของบรรดาผู้ที่เข้าชิง บริษัทประกันภัยดีเด่นก็ตาม

     ส่วนสินค้าหนึ่งที่น่าสนใจในวันงานคงเป็น ประกันสุขภาพราคาถูก เพราะช่วงนี้กระแส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เอช 1 เอ็น 1 กำลังแรงและธุรกิจประกันกำลังถูกยกเป็น ฮีโร่เพราะ คุ้มครองจริง - จ่ายจริงจึงเชื่อว่าน่าจะมีประกันสุขภาพแบบใหม่ๆ ออกมาขายกันมากในงานนี้ทั้งส่วนของประกันชีวิตที่ต้องขายเป็นอนุสัญญาเพิ่มเติมและประกันวินาศภัยที่ขายเดี่ยวได้

     รวมทั้งบรรดาสินค้าเพื่อ ลูกกตัญญูทั้งหลายเพราะเข้าเทศกาล วันแม่พอดี งานนี้คงได้เห็นลูกกตัญญูเดินช็อปกันให้ขวักไขว่เพราะค่ายประกันต่างก็เตรียมยกแคมเปญวันแม่มาเรียกลูกค้าไว้แล้ว

     เอ่ยมาทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็น เรื่องดีของธุรกิจประกันทั้งนั้น และเป็น สัญญาณดีของธุรกิจอีกด้วยเพราะส่วนหนึ่งถือเป็นการ กระตุ้นตลาดประกันได้อีกทางหนึ่งทำให้ได้มีโอกาสขยายตลาดเพิ่ม และทำให้การเติบโตเป็นไปตามเป้ามากขึ้น

     ดูเหมือนว่าการพยากรณ์ของบรรดากูรูทั้งหลายจะเป็นจริงว่าปีนี้ธุรกิจประกันภัยยังไงก็โตบวกลุ้นอย่างเดียว คือ ตัวเลขเติบโตจะเป็นจริงหรือไม่เท่านั้นแต่หากดูสถานการณ์ในช่วงนี้แล้วก็น่าจะเป็นไปตามคาดงานนี้ภาวนาขอให้จำนวนคนแห่ไปร่วมงานสัปดาห์ประกันภัยล้นหลาม ไปช่วยกันชม -ซื้อแบบประกันที่ขนไปเสนอขายในงาน ซึ่งเท่าที่สอบถามจากค่ายประกันต่างๆแล้วต่างก็ยังอุบเงียบ บอกเพียงงานนี้เตรียมไป เซอร์ไพรส์ในวันงานอย่างเดียว

     ลำไยช่วยชาติ - ลองกองช่วยชาติ - เงาะช่วยชาติ ก็มีแล้วงานนี้ก็ขอเชิญชวนกันไป ซื้อประกันช่วยชาติกันหน่อย เพราะเม็ดเงินนั้นถือเป็นแหล่งเงินออมใหญ่แหล่งหนึ่งของประเทศทีเดียว เผื่อภาครัฐจะได้ ตาสว่างเสียที...

ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร

. วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
0 ความคิดเห็น

     ความเสียหายส่วนแรก หมายถึงจำนวนเงินค่าความเสียหายในแต่ละครั้งที่ผู้เอาประกันภัยตกลงรับ ผิดชอบเองในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นจากอุบัติเหตุจากรถ ค่าเสียหายส่วนแรกแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้

1. ความเสียหายส่วนแรกโดยสมัครใจ 
      สำหรับเจ้าของรถที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีความระมัดระวังในการขับรถอาจเลือกรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรกเอง ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 ประเภทความคุ้มครอง คือ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ (รถเราเอง) และคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก (รถหรือทรัพย์ สินของบุคคลภายนอก) โดยบริษัทประกันภัยจะลดเบี้ยประกันภัยให้เป็นจำนวนเงินตามเงื่อนไขในสัญญา

     ความเสียหายโดยสมัครใจนี้ เช่น ประกันภัยรถยนต์ 3 พลัส หรือประกันภัยรถยนต์ 2 พลัส ถือเป็นตัวอย่างของความเสียหายส่วนแรกโดยสมัครใจ เพราะกรมธรรมธ์ทั้ง 2 ประเภทนี้หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดจะต้องรับผิดชอบเองส่วนหนึ่ง ปกติแล้วคือ 2,000 บาท (บางบริษัทอาจจะไม่เก็บ)

2. ความเสียหายส่วนแรกในกรณีผิดสัญญา
      เป็นความเสียหายที่ไม่ได้เป็นไปตามสัญญากรมธรรมธ์ กล่าวคือกรมธรรม์ระบุอีกแบบหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงเป็นอีกแบบหนึ่ง กรณีเช่นนี้บริษัทประกันยังคงรับผิดในความเสียหาย แต่อาจจะเรียกเก็บเบี้ยเพิ่มกับผู้เอาประกัน เบี้ยเพิ่มส่วนนี้อาจเรียกได้ว่าค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดเงื่อนไขการรับประกัน ซึ่งมีดังนี้
    2.1 กรณีกรมธรรม์แบบระบุชื่อ
     โดยปกติเราสามารถระบุผู้ขับขี่ได้ 2 คนเผื่อทำให้เบี้ยถูกลง แต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ ปรากฎว่ามีบุคคลอื่นขับขี่ ไม่ใช่ 2 คนที่ระบุไว้ในกรมธรรมธ์แถมเป็นฝ่ายผิดด้วย หากเกิดกรณีนี้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายส่วนแรกต่อความเสียหายดังนี้ 
  • 6,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย
  • 2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก

   2.2 กรณีใช้รถผิดประเภท
     จะเกิดขึ้นในกรณีผู้ซื้อประกัน ซื้อประกันภัยรถยนต์ โดยระบุไว้ว่ารถยนตืดังกล่าวเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ตอนเกิดอุบัติเหตุพบว่าเอารถไปรับจ้าง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล กรณีเช่นนี้ หากบริษัทพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้รถยนต์ผิดประเภท ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ดังนี้ 2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก

วิธีประหยัดเบี้ยประกันภัยรถยนต์

.
0 ความคิดเห็น

      หลายท่านซื้อประกันภัยรถยนต์ปีหนึ่งหลายหมื่นบาท หากมีหลายคันค่าใช้จ่ายยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้านล่างนี้เป็นวิธีการลดค่าใช้จ่ายของคุณในแต่ละปี ในการซื้อประกันภัยรถยนต์ในราคาประหยัด

 

1.  ส่วนลดประวัติดี

ในแต่ละปีที่ท่านทำประกันไว้ ถ้ารถยนต์ที่เอาประกันภัยของท่านไม่เคยมีเคลมเลยในปีที่ผ่านมา หรือมีเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ท่านจะได้รับส่วนลดประวัติดี ตามลำดับขั้นในแต่ละปี สูงสุดถึง 50% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ ดังนี้

·         ขั้นที่ 1 ขับรถดีในปีแรก รับส่วนลด 20%

·         ขั้นที่ 2 ขับรถดี 2 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 30%

·         ขั้นที่ 3 ขับรถดี 3 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 40%

·         ขั้นที่ 4 ขับรถดีติดต่อกันตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป รับส่วนลด 50%


      หมายเหตุ
: หากท่านเป็นฝ่ายผิด ส่วนลดประวัติดีจะลดลงทีละขั้น เช่นหากท่านมีประวัติดี 40 เปอร์เซ็นต์ และเป็นฝ่ายผิด 1 ครั้ง ส่วนลดก็จะลดลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ บางคนอาจจะเข้าใจว่าหากเป็นฝ่ายผิดเพียงครั้งเดียว ประวัติดีจะหมายหมด ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

2.ระบุชื่อผู้ขับขี่

     การประกันภัยรถยนต์ แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ สำหรับรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสาร ที่ใช้ส่วนบุคคล สามารถเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามช่วงอายุของผู้ขับขี่ ตั้งแต่ 5 - 20% ดังนี้

ช่วงอายุ

ส่วนลดเบี้ย

18 / 24 ปี

5%

25 35 ปี

10%

36 50 ปี

15%

50 ปีขึ้นไป

20%

3.  ความเสียหายส่วนแรก (Deductible)

     การทำประกันภัยรถยนต์แบบมี Deductible เป็นวิธีการที่ท่านเลือกรับความเสี่ยงภัยไว้เองบางส่วน ในกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุในละครั้ง ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้ส่วนหนึ่ง เช่น หากคุณซื้อค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเป็นจำนวนเงิน  2,000 บาท เป็นต้น คุณก็จะได้ลดเบี้ยประกันจากยอดเดิม อาจจะ 4,000 5,000 บาท แล้วแต่บริษัท แต่หากมีอุบัติเหตุ และคุณเป็นฝ่ายผิดคุณก็ต้องเสียเงินจำนวน 2,000 บาท/ครั้ง เพราะว่าว่าเงินตรงนี้เป็นการร่วมรับผิดกับบริษัทประกันฯ นั่นเอง

 

4.ส่วนลดกลุ่ม
     หากท่านมีรถยนต์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ที่จดทะเบียนชื่อเดียวกัน จะได้รับส่วนกลุ่ม

 

5. สมัครตัวแทนเพื่อใช้เอง
     วิธีการสุดท้ายที่จะทำให้คุณซื้อประกันภัยได้ในราคาประหยัด นั่นก็คือการสมัครตัวแทน เพื่อซื้อในราคาทุน การสมัครตัวแทนมีอยู่หลายบริษัท เงื่อนไข และรายละเอียดก็จะแตกต่างกัน และบริษัทไอบีเอสซี โบรคเกอร์ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่รับสมัครตัวแทน เพื่อขายประกัน หรือว่าเอาไว้ซื้อประกันใช้เอง เงื่อนไขก็ไม่ยาก ใช้แค่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และค่าสมัครเพียง 200 บาทแค่นั้นเอง ง่ายๆ แค่นี้แต่อาจจะประหยัดค่าเบี้ยปีละ 2,000 5,000 บาทเลยก็ได้ แถมบริษัทมีบริการเงินผ่อนด้วย ท่านสามารถดูรายละเอียด และสมัครตัวไทยได้ที่ www.Wowinsure.com

เทคนิคการซื้อประกันภัยรถยนต์

. วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
0 ความคิดเห็น

     หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ประเภทวันไม่ชื่น คืนก็ทุกข์กับบริษัทประกันที่เคยตั้งใจคิดอยากจะฝากผีฝากไข้ในยามที่เกิดเหตุ ที่ไม่พึงประสงค์กับรถคันโปรด แต่พอถึงเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นมา จริงๆ กลับต้องปวดหัวหนักขึ้นไปอีก เพราะเจอกับการเล่นแง่ของ เจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนเป็นศัตรูฝ่ายตรงข้ามกับเรามากกว่าคู่กรณีที่ เกิดเรื่องกับเราเสียอีก หรือบางครั้งก็อาจจะเจอกับการให้บริการ จากเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งแบบไม่แยแสทั้งๆ ที่เราร้อนใจจนแทบระเบิด เกิดเหตุตอนสิบโมงเช้า กว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึงที่เกิดเหตุก็ปาเข้าไป หลังเที่ยงอย่างนี้มันน่าที่เราจะทำประกันด้วยดีไหมเนี่ย

     ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้ที่มีรถหลายคนตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้ว่าเราควรจะเลือกบริษัท ประกันไหนดี เวลาที่เราต้องการที่จะทำประกันรถ เพราะฉะนั้นในคอลัมน์นี้จึง อยากจะขอเสนอแนวคิดพร้อมทั้งเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะฝากกันเอาไว้ เพื่อใช้ในการเลือกบริษัทประกันที่จะไม่ทำให้เรานั่งน้ำตาตกเสียใจในภายหลัง

     ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การทำประกันโดยเนื้อแท้แล้วก็คือ การที่คนหลายๆ คน ตกลงเอาเงินมาลงขันกันเพื่อแชร์ความเสี่ยงร่วมกัน โดยมี บริษัทประกันเป็นโต้โผในการรวมเงิน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในการ เรียกเก็บเงินที่เราเรียกว่าเบี้ยประกันของแต่ละคนด้วย

ประกันภัยรถยนต์

       การเรียกเก็บเบี้ยประกันจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอายุของผู้ที่ต้องการจะทำประกัน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งในการ พิจารณาของบริษัทประกันที่มีมาตรฐานในการลดค่าธรรมเนียมการเอาประกัน ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ
      ประเภทของรถเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อัตราค่าธรรมเนียมในการรับประกัน ต่างกัน โดยทั่วไปในบรรดารถเก๋งหรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคล บริษัทประกันจะจัดแบ่งกลุ่มรถออกเป็นกลุ่มๆ    
      แน่นอนว่ารถที่ซ่อมยาก อะไหล่แพง ค่าเบี้ยประกันก็ย่อมจะสูงกว่ารถที่อะไหล่ถูก ระบบไม่ซับซ้อน แต่ในปัจจุบันหากเกิดคุณไปเลือกใช้รถที่บังเอิญฮอตสุดฮิตในหมู่ นักโจรกรรมรถข้ามประเทศ เช่น รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ พวกซีอาร์วี ค่าเบี้ยประกันก็อาจจะแพงกว่ารถประเภทเดียวกัน แต่คนละยี่ห้อกันก็ได้

     มีหลายบริษัทประกันที่มีข้อเสนอการทำประกันประเภทขับน้อยจ่ายน้อยสำหรับ ผู้ที่มั่นใจว่าตนเองใช้รถน้อย คุณที่อยากจะประหยัดเงินก็อาจจะขอทำประกันประเภทนี้ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับผู้ที่มีอาชีพ บางประเภท เช่น ดารา นักร้อง ที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ประกันประเภทนี้ก็คงใช้ ไม่ได้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ในการแข่งขันในตลาดที่มีผู้ประกอบ การหลายเจ้าก็คือ การแข่งขันในเรื่องราคา ประกันประเภทเดียวกัน อาจจะมีราคาต่างกันในแต่ละบริษัท ขึ้นอยู่กับการลองตระเวนหาราคาที่ดีที่สุดของผู้ซื้อเอง แต่ สำหรับผู้ซื้อรถที่ต้องอาศัยการผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ที่จะต้องถูกบังคับให้ทำประกันกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งไปเลย ก็คงไม่มีโอกาสทำเช่นนี้ได้

     เพราะฉะนั้นหากลองมาสรุปดูถึงเหตุผลในการเลือกบริษัทประกันของคนไทย น่าจะสรุปได้เป็น

1. ถูกกำหนดโดยบริษัทไฟแนนซ์หรือผู้ให้สินเชื่อในการเช่าซื้อ
2. ประกันภัยฟรีที่เป็นแคมเปญควบคู่กับการซื้อรถ
3. เลือกหาที่ชอบเอง
4. เลือกเจรจากับบริษัทที่ให้เงื่อนไขที่ดี สำหรับการเหมารวมทำประกันเป็นล็อต หรือรถหลายๆ คัน

     สำหรับกรณีแรกคงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องยอมรับเงื่อนไข แต่ถ้าจะให้ดีก็ลองขอดูรายละเอียดการรับประกันของบริษัทนั้นให้ดีว่าสิทธิ์ในการเรียกร้อง ของเรามีได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เข้าใจก็ถามไม่ต้องเกรงใจกลัวว่าเดี๋ยวเขาจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงขั้นนั้นแล้วเขาไม่ยอมปล่อยให้เรา หลุดมือไปหรอกครับ กำไรเห็นๆ อย่างงั้น แต่ถ้าจะให้มองโลกในแง่ดี บริษัทประกันที่ผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อเลือกมาให้กับลูกค้าของตนต้องเป็นบริษัทที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ได้พอสมควรเหมือนกัน เพราะในระหว่างที่คุณเช่าซื้อรถยนต์ไปขับ ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาเช่าซื้อ รถคันนั้นก็ยังถือว่าเป็นรถของผู้ให้สินเชื่อนั้นด้วยเช่นกัน

ประกันภัยรถยนต์

สำหรับเงื่อนไขที่สอง ไม่ต้องคิดมากครับ เพราะสภาพการแข่งขันทางการตลาด ของเหล่าบรรดาตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทำให้ต้องคิดหาแคมเปญมาล่อใจผู้ซื้อ สารพัดวิธี และที่เห็นบ่อยครั้งก็หนีไม่พ้นประกันภัยที่แนบมาด้วยโดยผู้ซื้อไม่ต้อง จ่ายค่าเบี้ยประกัน ส่วนแบบสุดท้ายที่เหมารวมเป็นล็อต มักจะเป็นในรูปแบบ ของการเจรจาตกลงกันระหว่างตัวแทนนายหน้ากับบริษัทที่มีรถหลายคัน หรืออาจจะเป็นบริษัทที่ประกอบการเกี่ยวกับการใช้รถหลายคัน อาจจะเป็นบริษัทรับส่งสินค้าหรือบริษัทที่ประกอบการขนส่งต่างๆ

     จุดสำคัญที่เราจะมาคุยกันคงเป็นเงื่อนไขแบบที่สาม ที่เรามีความเป็นอิสระเต็มที่ ในการเลือกบริษัทประกันที่เรารู้สึกว่าคุ้มค่าและมั่นใจว่าเลือกไม่ผิด

ทุกบาทควรจะต้องคุ้มค่า

     ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวกับตัวคุณได้ เช่น อายุของคุณหรือรถที่คุณขับ แต่ก็มีหลายวิธีที่คุณน่าจะลองนำเอามาใช้เวลาที่จะซื้อประกันเพื่อประหยัดรายจ่ายเบี้ยประกันให้กับตัวคุณเอง

คุ้มครองมากกว่าหนึ่ง

     หากคุณมีรถหลายคัน หรือว่าญาติพี่น้องที่มีรถอาจจะรวมทำประกันบริษัทเดียวกัน เพื่อการต่อรองแบบทำประกันยกล็อต ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทประกัน สามารถที่จะให้ข้อเสนอพิเศษกับคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย

NCB No Claim Bonus

ประกันภัยรถยนต์

     ถ้าอยากจะลดค่าเบี้ยในปีถัดไป หมายความว่าคุณอาจจะต้องมีประวัติที่ไม่เคย ขอเคลมประกัน ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด แต่หากเป็นความผิดของฝ่ายคู่กรณี ก็เป็นคนละเรื่องกัน แต่หากคุณเป็นประเภทขับรถไม่แคร์ใคร ชนก็ช่าง เดี๋ยวประกันก็จ่าย ถ้าในหนึ่งปีคุณต้องเจอหน้ากับเจ้าหน้าที่ทำเรื่องเคลมบ่อยๆประวัติของคุณจะถูกบันทึกเอาไว้ และเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะถูกปฏิเสธไม่รับประกันในปีถัดไป และประวัติของคุณก็จะถูกส่งไปเก็บเอาไว้ที่ศูนย์กลางข้อมูล เมื่อคุณไปขอทำกับบริษัทอื่น ข้อมูลนั้นก็จะถูกเรียกมาดู เห็นประวัติการชนอัน โชกโชน คุณก็อาจจะถูกปฏิเสธไปเรื่อยๆ หรือถ้าอยากจะทำจริงๆ ก็ต้องจ่ายแพง ขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นขับรถระวังชนไม่ต้องทนกับค่าประกันแพง หรือ อีกกรณีหนึ่งที่ความเสียหายไม่มากนัก ที่คุณอาจจะเสียเพียงสองถึงสามพันบาท คุณอาจจะยอม

จ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้ เอง อาจจะช่วยทำให้คุณประหยัดค่าเบี้ย ประกันในปีถัดไปได้มากกว่าลองมาดูตัวเลข No Claim Bonus ที่ถือ เป็นส่วนลดหากคุณไม่มีประวัติการขอ เคลมประกัน ซึ่งอาจจะทำให้คุณสนใจ อยากจะลองคิดถึงการประหยัดค่าเบี้ย ประกันในส่วนนี้บ้าง

Deductible ส่วนหักลด

     ท่านทราบหรือไม่ว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้เอาประกันรถยนต์หนึ่งคนจะทำเรื่องเพื่อ ขอเคลมประกันหนึ่งครั้งในทุกสามปี และหนึ่งครั้งที่เป็นอุบัติเหตุที่มีค่าความ เสียหายมากในทุกสิบปี ใช่ครับ ไม่ผิดหรอกครับ หลายท่านคงอาจจะลองเปรียบเทียบกับประวัติของตนดูบ้าง บางท่านก็อาจจะมากกว่า หรือน้อยกว่า ก็คงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยตามที่กล่าวมาแล้ว แต่หาก ท่านมั่นใจว่าจะตั้งใจขับรถด้วยความไม่ประมาท แล้วท่านก็ไม่ต้อง ใช้รถบ่อยนัก ไม่ต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงในเวลาขับรถภาวะเสี่ยงที่ว่า ก็เช่น บ้านอยู่ห่างกับที่ทำงาน ต้องขับรถไกล หรือต้องทำงานหนัก เหนื่อยมากทุกวันตอนขับรถกลับบ้านแอบเผลอหลับตอนติดไฟแดง (ขอเถอะครับ ไม่ขับได้ก็เป็นดี ผมเป็นห่วง) เหล่านี้ ลองคิดถึงส่วนหักลดที่ผู้เอาประกันยอมจ่ายเองเวลา ที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น 2,000 บาท หรือ 5,000 บาท ที่จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้มากทีเดียว

ประกันภัยรถยนต์

กำหนดผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันไว้ อย่างแน่นอน

     ความแตกต่างอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในเรื่องการทำประกันรถยนต์ในเมืองไทย และที่ต่างประเทศ ก็คือ ที่ต่างประเทศจะมีทั้งการทำประกันรถและการทำประกัน ผู้ขับขี่ ซึ่งหมายถึงผู้เอาประกันสามารถไปขับรถคันไหนก็ได้ สัญญาการประกัน จะตามไปรับผิดชอบให้ แต่สำหรับเมืองไทยที่เห็นจะเป็นการทำประกันรถยนต์ โดยตรง คือใครมาขับรถคันนี้ขอให้มีใบขับขี่ สัญญาการรับประกันก็จะรับผิดชอบ ให้ แต่ก็มีบ้างเหมือนกันหากคุณจะลองถามบริษัทผู้รับประกันดูว่า หากคุณ ต้องการจะกำหนดผู้ขับขี่สำหรับรถคันนี้ ก็จะสามารถช่วยคุณลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้มากทีเดียว

     เมื่อได้ข้อคิดในการทำประกันที่น่าจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้ คราวนี้คงมาถึง คำแนะนำในการเลือกบริษัทประกัน ที่มีอยู่หลายบริษัท

ดูที่การให้บริการ

     อย่างที่เกริ่นกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่า ผู้ซื้อประกันหลายคนที่ต้องผิดหวังอย่างแรง เวลาที่ต้องเรียกใช้บริการหลังจากที่ประสบเหตุ รอเป็นวัน โทรไปเรียกกว่าจะมาปา เข้าไปสามชั่วโมง มาถึงบางครั้งก็เหมือนกับอยู่ฝ่ายตรงข้ามไปซะเฉยๆ ทำไมจะมายกให้เราผิดซะอยู่เรื่อย ไม่เท่านั้น เวลาที่เจรจาเรื่องค่าซ่อม ฝ่ายเจ้าของรถก็ อยากจะซ่อมให้ดีที่สุด ในขณะที่ฝ่ายบริษัทก็อยากจะจ่ายให้ถูกที่สุด จนบางครั้ง เจ้าของรถต้องยอมที่จะจ่ายส่วนต่างเอง เพื่อให้จบเรื่องไป แล้วสาปส่งไม่ขอ ข้องเกี่ยวกับบริษัทประกันที่ว่านั้นอีก ถึงแม้ว่าจะมีข้อเสนอให้ส่วนลดในการซื้อประกัน แต่ก็คงไม่สามารถซื้อใจเจ้าของรถผู้นั้นได้อีกต่อไป

     เพราะฉะนั้นหากจะเลือกซื้อประกันกับบริษัทใด ขอให้ดูและหาข้อมูลเรื่องการให้ บริการของบริษัทนั้นให้ละเอียด ถามผู้ที่เคยทำประกันกับบริษัทนั้นมาก่อนก็ได้ หรืออาจจะลองตรวจสอบดูเครื่องหมายรับประกัน คุณภาพ ISO ก็อาจจะช่วยให้ เชื่อใจได้บ้างเช่นกัน

ฐานะทางการเงินของบริษัท

     การพิจารณาที่มีความสำคัญค่อนข้างมากก็คือ ฐานะทางการเงินของบริษัท เพราะบริษัทประกันนั้นไม่ต่างไปจากสถาบันการเงิน ซึ่งหากมีฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง ก็อาจจะเกิดเหตุบริษัทประกันล่ม เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับบริษัทประกันดังๆ หลายบริษัทในอดีตที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ควรจะพิจารณาถึงเรื่องนี้ให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

     แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับการตรวจสอบในเรื่องนี้ก็เห็นจะเป็นข้อมูลที่อาจจะไม่สามารถหาดูได้ง่ายนัก ถึงแม้ว่าบริษัทรับประกันวินาศภัยในไทยที่มีอยู่ทั้งหมด 72 บริษัท แต่มีเพียง 6 บริษัทเท่านั้นที่ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นส่วนใหญ่ และทั้ง 6 บริษัทก็ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด เพราะฉะนั้นการตรวจ สอบจึงค่อนข้างยาก แต่อย่างน้อยที่สุดให้ลองดูว่าบริษัทที่สนใจมีทุนจดทะเบียน มากน้อยกว่ากันแค่ไหน

การเคลมประกัน

"ซื้อประกัน แต่ไม่หวังอยากเคลมประกัน"

      อย่ายอมประนีประนอมระหว่างความสะดวก รวดเร็ว กับคุณภาพ ที่อาจจะถูกตัดทอนออกไป โดยที่คุณมองไม่เห็น หลายครั้งเมื่อเกิดเหตุ บริษัทประกันมักจะมีอู่ซ่อมในเครือที่เจ้าของรถสามารถนำรถเข้าไปให้ซ่อมได้เลย โดยไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ท่านได้ลองตรวจสอบดูอู่ที่ว่านั้นให้ดีก่อนว่า ไว้เนื้อเชื่อใจได้หรือเปล่า มิเช่นนั้น อาจจะต้องเสียใจในภายหลังได้ โดยเฉพาะท่านที่มีรถราคาแพง ซึ่งอาจจะโดนหลอกเอาอะไหล่ปลอมใส่เข้ามาโดยที่คุณเอง ก็ไม่รู้ จนกระทั่งเจ้าอะไหล่ตัวนั้นเกิดเหตุทำพิษขึ้นในตอนหลังถึงแม้ว่าเราจะตั้งอกตั้งใจเลือกบริษัทประกัน จนได้บริษัทที่เราคิดว่าดีที่สุดแล้ว ข้อแนะนำเวลาเกิดเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขอให้คุณจดรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้งทะเบียนรถ ชื่อของฝ่ายคู่กรณี หมายเลขใบขับขี่ พยานผู้รู้เห็น หากมีหรือจะถ่ายภาพเอาไว้ก็ยิ่งดี ถ้าหากคุณมีกล้องติดตัวไปด้วย แต่ที่สำคัญที่สุด ที่เราๆ ท่านๆ ควรจะมีพกติดตัวและใช้มันอยู่ตลอดเวลา ก็คือ ความไม่ประมาทในการขับรถ ขอให้โชคดีครับ